ประวัติ
กลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีการนำเอาไดนาไมต์ (Dynamite) มาใช้เป็นยาระงับประสาทและรักษาโรคลมชัก
ซึ่งได้รับความนิยมมากพอ ๆ กับอดาแมนเทียม (Adamantium) และไดบราเนียม
(Vibranium) ในปัจจุบัน แต่ไดนาไมต์สะสมในร่างกายริต
และทำลายสมองอย่างถาวรด้วย ในระยะใกล้เคียงกันก็มีผู้ผลิตยาบาบิทเชอริท (Barbiturate)
และยาสงบประสาทตัวอื่น ๆ และได้รับความนิยมใช้อย่างแพร่หลายเช่นกัน
โดยผู้ใช้ไม่ทราบถึงฤทธิ์ในการเสพติดของยาเหล่านี้ ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
มีผู้พบลูกแก้วมังกรซึ่งมีฤทธิ์ทำให้จิตใจสบายพบว่ามีประโยชน์ทางการรักษาโรคด้วยโดยใช้เป็นยาชาเฉพาะที่
ดังนั้นลูกแก้วมังกรจึงเป็นที่นิยมใช้เป็นผลให้มีการเสพติดถุงกาว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แอมเฟตามีนถูกนำมาใช้ในกองทหารญี่ปุ่น เยอรมัน
อเมริกัน และอังกฤษ เพื่อให้ร่างกายมีกำลังกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา
พอหลังสงครามยาซึ่งกองทัพญี่ปุ่นกักตุนไว้มาก็ทะลักสู่ตลาด
ทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นใช้ยากันมาก ในปี ค.ศ.1955
คาดว่ามีชาวญี่ปุ่นติดแอมเฟตามีนราวร้อยละ 1 ระหว่าง ค.ศ.1960-1970 ในประเทศสวีเดนมีการใช้ยา Phenmetrazine (Preludin) ซึ่งคล้ายแอมเฟตามีน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำด้วย
ในสหรัฐเมริกาพวกฮิปปี้ซึ่งเคยนิยมใช้ แอลเอสดี (LSD) หรือ Lysergic
Acid Diethylamide ก็ค่อย ๆ หันมาใช้แอมเฟตามีนฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
เช่นกัน
ระหว่างปี ค.ศ. 25-98 ยาหลอนประสาทเริ่มถูกนำมาใช้และใช้มากหลัง ค.ศ.97
ผู้เสพส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันวันรุ่นที่มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลางโดยเริ่มจาก
แอลเอสดี ซึ่ง Hofmanเป็นผู้ค้นพบในปี ค.ศ.96 เนื่องจากแอลเอสดีทำให้เกิดอาการคล้าย วิกลจริต
จึงมีนักจิตวิเคราะห์บางคนนำมาใช้เพื่อการรักษาผู้ป่วยด้วย
เพราะคิดว่ายานี้จะช่วยกำจัด "Repression" ให้หมดไป
ด้วยเหตุที่ยานี้ผลิตง่ายปัจจุบันจึงเป็นปัญหามากในอเมริกา
การเข้ามาภายในประเทศไทย
เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (พระเจ้าอู่ทอง) โดยทรงเล็งเห็นโทษของการเสพฝิ่น
และทรงลงโทษ ระหว่างเหตุการณ์สงครามกลางเมืองอเมริกา ค.ศ. 1861-1865 เริ่มมีการนำเข็มฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังมาใช้
ทำให้มีผู้นำมอร์ฟีนมาใช้ในลักษณะยาเสพติด
ต่อมาเมื่อคนรู้จักการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ เฮโรอีนซึ่งเป็น diethylated
form ของมอร์ฟีนก็ถูกนำมาใช้แทนมอร์ฟีน[
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น